Maldives Dreamland - On the Way

แม้จะมีประกันเดินทางให้อุ่นใจแล้วว่าถึงทริปจะล่มเพราะบังเอิญไปติดโควิดเข้าก็สามารถเคลมเงินที่จ่ายไปคืนได้ แต่ขอไม่ล่มไว้ก่อนดีกว่านะ ช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางเลยเก็บตัวอยู่แต่บ้านกับที่ทำงาน (ถ้าไม่กลัวถูกไล่ออกคงอยู่แต่บ้านไปแล้ว 55) และพบปะผู้คนเท่าที่จำเป็นจริงๆ 

จนในที่สุดก็รักษาเนื้อรักษาตัวมาได้ถึงวันเดินทาง เย่!

Day 1 - 20 Jul 2022


เลือกบินกับ Air Asia เพราะบินตรง และราคาไม่แพง  



ร้านค้าและร้านอาหารในสนามบินดอนเมืองเปิดให้บริการตามปกติทั้งหมดแล้ว มาช็อปปิ้งหรือฝากท้องกันได้


ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง กว่าๆ ก็ถึง "มาเล่" เมืองหลวงของมัลดีฟส์

ตอนเครื่องใกล้ลงพยายามมองวิวอทอลล์จากมุมสูง แต่ฟ้าปิดเลยเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ เริ่มใจเสียแว้ววว 😨


ลงเครื่อง ผ่าน ตม เรียบร้อย ออกมาจะมีบรรดาพนักงานของรีสอร์ทต่างๆ มาชูป้ายรอต้อนรับ แต่ของรีสอร์ทเราไม่มีแฮะ



สิ่งแรกที่ต้องทำหลังออกมาคือจัดการซื้อซิมโทรศัพท์ มีสองเจ้า ราคาเท่ากัน แบ่งเป็นแพคเกจ 17Gb 30 วัน ราคา 35 USD กับ 100Gb 30 วัน ราคา 50 USD (เมื่อก่อนจะมีแพคเกจน้อยวัน ราคาถูกกว่านี้ แต่เดี๋ยวนี้โดนบังคับซื้อ 30 วัน อย่างเดียวเลย)


ทะเลอยู่หน้าสนามบินเลย แต่ฟ้าตุ่นมาเชียว 😥


ในเมื่อไม่มีใครมารอต้อนรับ ก็เดินไปหาที่บูธของรีสอร์ทเองเลย แต่ไม่มีคนอยู่อีกแน่ะ ต้องยืนรอสักพักจนพนักงานของบูธอื่นช่วยโทรตามให้ ชิวจริงๆ รีสอร์ทเรา
 

เช็คชื่อเรียบร้อย พนักงานก็ชี้นิ้วให้เรามาเช็คอินที่เคาเตอร์ของซีเพลน


เทอมินอลของซีเพลนจะอยู่แยกออกไปต่างหาก ต้องนั่งชัทเทิลบัสไป


เห็นซีเพลนแล้ววว!!


มาถึงเทอมินอลให้ไปแจ้งที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ก่อน จากนั้นก็ไปนั่งรอ คอยดูจอมอนิเตอร์ว่าเที่ยวบินของเราจะออกเมื่อไหร่ เรียกขึ้นหรือยัง

ตรงนี้ขอบ่นหน่อยว่าการบริหารจัดการของซีเพลนค่อนข้างสับสน จากตอนแรกเที่ยวบินเราอยู่บนจอมอนิเตอร์ มีบอกเวลาตรงกับที่เคาเตอร์แจ้ง สักพักปรากฏว่าเที่ยวบินของเราหายไปจากจอซะเฉยๆ ทั้งที่คอยฟังประกาศตลอดแต่ก็ไม่เห็นมีแจ้งอะไร (หรือเราฟังไม่ออกเองหว่า) ก็เลยเดินไปถามที่เคาเตอร์ ปรากฏว่าเที่ยวบินเราถูกยกเลิกเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย แล้วก็จัดการเปลี่ยนเลขเที่ยวบินให้เราใหม่ด้วยปากกา นึกในใจว่านี่ถ้าไม่เดินไปถามจะรู้ไหมนิ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อีก 2-3 ครั้ง เรียกว่ากว่าจะได้ขึ้นซีเพลนนี่ต้องคอยเดินไปเกาะแกะที่เคาเตอร์จนเจ้าหน้าที่คงเบื่อหน้ากันไปเลย

ที่จริงก็พอรู้อยู่แล้วว่าเวลาของซีเพลนมันเอาแน่เอานอนไม่ได้แล้วแต่สภาพอากาศ แต่อย่างน้อยถ้าขึ้นรายละเอียดในมอนิเตอร์ให้ชัดเจนก็คงไม่สับสนแบบนี้


แต่จากการที่เที่ยวบินถูกยกเลิก ทำให้ได้คูปองอาหารเป็นการชดเชยมา 2 ใบ (คนละใบ) สามารถแลกอาหารพร้อมเครื่องดื่มได้สองชุด (แต่ให้เฉพาะตอนที่ถูกยกเลิกรอบแรกแค่ครั้งเดียวนะ)



สั่งมาเป็นสปาเก็ตตี้ กับข้าวราดแกงสไตล์แขกๆ ข้าวแกงอร่อยดี แต่สปาเก็ตตี้นี่ไม่ผ่าน


ได้เวลาขึ้นซีเพลนซะที


ซีเพลนลำนึงนั่งได้ประมาณ 10 กว่าคน แต่ละแถวจะมีที่นั่งด้านซ้าย 1 ที่ และที่นั่งด้านขวา 2 ที่ ก่อนมาได้รับคำแนะนำว่าให้เลือกนั่งด้านซ้ายเพราะวิวจะสวยกว่า ตอนเดินต่อแถวไปขึ้นเครื่อง เราอยู่หน้าสุดเลย คิดว่าได้เลือกที่นั่งก่อนแน่ๆ ปรากฏว่าพอจะขึ้นเครื่อง บรรดาพี่แขกแกรีบแซงไปก่อนอย่างหน้าตาเฉย สุดท้ายเลยต้องมานั่งด้านขวาแบบเจ็บกระดองใจ

แต่เอาเถอะ สภาพอากาศแบบนี้ วิวคงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก


การนั่งซีเพลนไม่ได้หวาดเสียวอย่างที่คิด นอกจากตอนขึ้นและลงที่อาจจะตื่นเต้นหน่อย ที่เหลือก็เนิบๆ ชิวๆ จุดเด่นจริงๆ คือได้ชมวิวอทอลล์จากมุมสูงให้จุใจกันไปเลย (ถ้าอากาศดีคงฟินกว่านี้)

ซีเพลนแลนดิ้งที่ท่าของดุสิตธานีรีสอร์ท แล้วมีสปีดโบ๊ทพาเราไปที่พักอีกที (คิดว่าด้วยเหตุผลเรื่องเส้นทางและสภาพอากาศ)

อ้อ ลืมบอกไปว่าซีเพลนเที่ยวนึง อาจบินรับส่งหลายรีสอร์ท บางทีอาจจะต้องขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบกว่าจะถึงจุดหมาย 


ถึง Dreamland แล้วว!!


มีพนักงานมารอต้อนรับ พาเรามานั่งที่่ล็อบบี้เพื่อเช็คอิน

จากล็อบบี้มองไปจะเห็นสระบัวที่เขาโฆษณาว่าไม่เหมือนใครในมัลดีฟส์ ฝรั่งอาจจะตื่นตาตื่นใจ แต่คนไทยอย่างเราเห็นมาบ่อยละ 55


มีเวลคัมดริงค์ให้ดื่มระหว่างฟังอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ในการเข้าพัก จิบไปได้หน่อยเดียว ปรากฏว่าพนักงานอธิบายไปไอค่อกๆ แค่กๆ ไป เลยไม่ดื่มต่อละ คุยเสร็จรีบหาแอลกอฮอล์ฉีดทำความสะอาดตัวเป็นการด่วน

จากนั้นก็มีพ่อบ้านมานำทางเราไปที่ห้องพัก ระหว่างเดินไปแอบถามพนักงานว่ามีโอกาสที่พรุ่งนี้จะอากาศดีขึ้นไหม ได้รับคำตอบว่าอาจเป็นแบบนี้ แย่กว่านี้ หรือดีกว่านี้ก็ได้ ไม่มีใครรุ้ เอิ่ม...😑





ถึงห้องพักแล้วว!!

สิ่งแรกที่ทำคืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แน่ใจว่าปลอดเชื้อก่อนเลย

ด้วยความที่ทั้งเหนื่อยทั้งหิวจากการเดินทางมาตลอดทั้งวัน เลยไม่มีแรงจะถ่ายรูปรีวิวอะไรละ ระหว่างรอเวลาอาหารเย็น ก็ไปจัดการขนน้ำเปล่าและเครื่องดื่มจากบาร์มาตุนไว้ที่ห้องพัก จากนั้นก็ไปจองทริปดำน้ำชมแมนต้าร์เรย์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเรา (ส่วนนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม) กับไปจองทริปที่รวมอยู่ในแพคเกจ All-Inclusive

ทริปที่รวมในแพคเกจ All-Inclusive จะเลือกได้หนึ่งอย่างจากหลายกิจกรรมที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ ถ้าจะไปมากกว่านั้นต้องจ่ายเพิ่ม

แต่ปรากฏว่าทุกกิจกรรมของแพคเกจ All-Inclusive ที่จัดตารางไว้ในช่วงที่เราเข้าพักเต็มหมดแล้วซะงั้น จึงต้องขอโวยหน่อยว่า อ้าว มาปุ๊บก็เต็มปั๊บแบบนี้จะให้ไอทำยังไงล่ะ จนเขายอมเพิ่มชื่อในกิจกรรม Adventure Snorkeling ให้ ส่วนทริปดำน้ำชมเต่าทะเลที่เราอยากไปที่สุดเขาว่าเพิ่มชื่อให้ไม่ได้แล้วจริงๆ ก็เลยต้องหยวนตามนั้น       


ถึงเวลาบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นก็ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว กลับถึงห้องพักได้แป๊บนึงก็หลับเป็นตายทันที

รีสอร์ทเป็นยังไง อากาศจะดีรึเปล่า จะได้เห็นแมนต้าร์เรย์ไหม ค่อยว่ากันนะ คร่อกกก
 

Comments

Popular Posts